CHARLIE AND THE CHOCOLATE FACTORY

Charlie and the Chocolate Factory

หนังเรื่องนี้ เราเชื่อว่าหลายคนคงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี หรือที่พวกเราชอบเรียกชื่อหนังเรื่องนี้สั้นๆว่า

 " โรงงานช็อคโกแลต " ( หรือเราเรียกแบบนี้คนเดียว -_- ..) แต่เราว่าหนังเรื่องนี้ต้องเคยผ่านหู ผ่านตา กันมาบ้างแหละ เพราะมันเป็นหนังที่ดังมาก แล้วก็สนุกมากด้วย และมันเป็นหนังที่เราว่า คนสร้างต้องเป็นคนที่มีจินตนาการ บวกกับความคิดสร้างสรรค์ มากแน่ๆ มันเลยสามารถสื่อให้คนดูเกิดจินตาการตามไปด้วย ซึ่งทำให้หนังเรื่องนี้ ครองใจใครหลายคนอย่างแน่นอน หนึ่งในนั้นก็คือเอาอ่ะคนนึง ไม่ว่าจะดู

กี่รอบๆ ก็สนุก แทนที่ดูหลายรอบ จะรู้สึกเบื่อ แต่นี้ ยิ่งดูยิ่งสนุก ยิ่งตื่นเต้น และยิ่งน่าสนใจ

 หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังที่เราจัดอันดับให้เป็นที่ 1 สำหรับเราเสมอมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ดู 

เพื่อนๆต้องลองดูหนังเรื่องนี้เองอ่ะ ไม่งั้น "คุณ จะคุยกับเขา ไม่รู้เรื่อง " อิอิ 

เรื่องย่อ

    ชาร์ลี บั๊คเก็ต เป็นเด็กชายที่ยินดีให้แก่ครอบครัวของเขา เขาได้เห็นโรงงานช็อคโกแลตก่อนที่เขาหลับ แต่แล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็บังเกิด ชาร์ลีเก็บเงินได้จากถนนที่คลุมไปด้วยหิมะ และนำมันไปซื้อช็อคโกแล็ตวองก้า ชนิดผสมเข้าเนื้อเนียน เหนียวนุ่มแสนอร่อย ด้วยความคิดเพียงว่าเขาหิวโซขนาดหนัก และมันจะอร่อยแค่ไหน ที่นั่นเขาพบแผ่นสีทองข้างใต้กระดาษห่อ มันคือตั๋วใบสุดท้าย..ชาร์ลีจะได้ไปที่โรงงาน! ปู่โจ ของเขา ตื่นเต้นกับข่าวนี้มากเสียจนกระเด้งลุกออกจากเตียงได้ ราวกับว่าอายุน้อยลงไปหลายปีในทันทีทันใด และระลึกได้ถึงช่วงเวลาที่เคยมีความสุขกว่านี้ ตอนที่เขาเคยทำงานในโรงงาน ก่อนที่วิลลี่ วองก้าจะปิดประตูด้านที่ติดกับเมืองตลอดกาล ทั้งครอบครัวตกลงใจว่า ปู่โจควรเป็นคนที่จะไปกับชาร์ลี ในการผจญภัยครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เมื่อได้เข้าไปข้างใน ชาร์ลีต้องตื่นตาตื่นใจกับภาพอันน่าทึ่งที่ได้เห็นเป็นระยะ เครื่องไม้เครื่องมืออัศจรรย์ที่ส่องประกายแวววาว ด้วยการประดิษฐ์ขึ้นมาโดยวองก้าเอง ซึ่งกวนส่วนผสม ส่งเสียง และผิวปาก ในระหว่างที่สร้างสรรค์ขนมแปลกๆ ใหม่ๆ นานาชนิด บรรดาคนงานชาว อูมปา-ลูมป้าส์

      ชาร์ลีได้แต่คาดเดาว่าที่จริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่ และทำไมเขาจึงอุทิศชีวิตให้กับการทำขนมหวานนั้น ในขณะเดียวกันที่บรรดาเด็กคนอื่นๆ ทำตัวเกเร และคิดถึงแต่เรื่องของตัวเอง เสียจนแทบไม่ชื่นชมกับงานประดิษฐ์ที่น่าอัศจรรย์ของวองก้า ความโลภ ความเอาแต่ใจตัวเอง ความหยาบคายร้ายกาจ และรู้ดีไปหมด ได้นำพวกเขาไปสู่ความยุ่งยาก ที่บีบบังคับให้ต้องออกจากการชมโรงงาน ก่อนที่จะจบรายการไปทีละคน

       เมื่อเหลือเพียงแค่ชาร์ลี บั๊คเก็ตตัวน้อย วิลลี่ วองก้าก็เผยความลับสุดท้ายของเขา รางวัลใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมี : กุญแจโรงงาน หลังจากที่โดดเดี่ยวจากครอบครัวมาแสนนาน วองก้ารู้สึกว่า ถึงเวลาที่เขาจะต้องหาผู้สืบทอดจักรวาลขนมหวานของเขา ใครสักคนที่เขาเชื่อได้ว่า จะสานต่องานแห่งชีวิตของเขา และเป็นเหตุผลที่เขาจัดการแข่งขันครั้งนี้ขึ้น เพื่อเลือกเด็กคนหนึ่งที่พิเศษสุด สิ่งที่เขาไม่เคยคาดหวังไว้ก็คือ การกระทำที่โอบอ้อมอารีอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ครั้งนี้ อาจนำมาซึ่งของขวัญล้ำค่ายิ่งกว่าอันหาใดเทียม เป็นการตอบแทนแก่เขา

ส่วนที่ชอบ

       เนื้อเรื่องทำออกมาได้สร้างสรรค์มาก  ชวนกระตุ้นให้เกิดจินตนาการได้เป็นอย่างดี เช่น วิธีการทำช็อคโกแลตในวิธีแปลกๆ ของคุณวองก้า ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ช็อคโกแลตมีความเบา โดยการให้ไหลเป็นน้ำตก หรือของทุกอย่างที่อยู่ในโรงงาน สามารถกินได้ จนไปถึงการให้กระรอกแกะอัลมอนด์          ซึ่งกระรอกจะรู้ดีว่าเม็ดไหนดีมีคุณภาพ และอื่นๆอีกมากมาย ทำให้เราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ โดยที่เราไม่รู้ตัว การดูหนังเรื่องนี้ มันไม่เหมือนเราเป็นคนดูอ่ะ แต่เหมือนเราเป็นพวกเด็กๆ (ตัวละครในหนัง) ที่ได้เข้าไปสำรวจโรงงานด้วยความอัศจรรย์ใจ เหมือนเราเข้าไปอยู่ในหนังอ่ะ อธิบายไม่ถูกอาจดูเวอร์ แต่เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆน้า 55 และอีกเรื่องที่เด่นมาก คือภาพสีสันสวยเวอร์ อารมณ์ประมาณ    Alice in Wonderland สรุปหนังเรื่องนี้ทำให้เราตื่นตากับเนื้อหา และ ตื่นใจกันเนื้อเรื่อง สั้นๆ มันดีมากอ่ะ   

ส่วนที่ไม่ชอบ

        จริงๆแล้วเราไม่มีอ่ะ ส่วนที่ไม่ชอบในเรื่องนี้ มันหาที่ติไม่ได้ แต่ติอย่างนึงละกัน มันเป็นหนังที่ทำให้เรารักจนโงหัวไม่ขึ้น และไม่เหลือพื้นที่ว่างพอให้หนังเรื่องอื่นเข้ามาแทนที่หนังเรื่องนี้ ( พูดเกี่ยวกับหนัง หรือแฟน ) เอาจริงๆ ก็ ไม่มีที่ติอ่ะ ข้างบนที่เราเขียนๆไป อย่าถือสาเลยนะ เราเวิ่น ^_^...

ขอ 3 คำให้หนังเรื่องนี้

         เบอร์ - ดี้ - เลย ( 1 ในใจคุณ ) *มุขไม่ฮาพาเพื่อนเครียด อิอิ

ให้คะแนน

        10/10 อย่างไม่ต้องสงสัย

Charlie and the Chocolate Factory trailer

          **** คุณคือผู้โชคดีได้รับบัตรทองจากคุณ วองก้า พร้อมที่จะเข้าไปสำรวจโรงงาน ของคุณวองกา แล้วหรือยัง

In Time ล่าเวลาสุดนรก

In Time

วันนี้เรา เพิ่งจะได้ดูหนังเรื่องนี้ เราว่ามันสนุกและน่าสนใจมากๆ  เลยเอามารีวิวให้เพื่อนๆได้อ่าน จริงๆหนังเรื่องนี้ออกมาได้สักพักใหญ่แล้วแหละ เพื่อนเรามันก็แนะนำว่าให้ไปดูเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ดูสักที ตอนแรกเราคิดว่าหนังก็คงจะเป็นหนังเครียดๆ น่าเบื่อๆ เพราะปกติเราไม่ชอบหนังแนวนี้อ่ะ มันไม่ใช่แนว แต่พอได้ดูเราว่ามันสนุกดี ไม่สิ สนุกมาก แต่จะสนุกจริงอย่างที่บอกรึป่าว เพื่อนๆต้องลองดูกันเองนะจ๊ะถึงจะรู้ " 10 ปากว่า ไม่เท่าตาเห็น "

เรื่องย่อ

               In Time เป็นภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของโลกในอนาคตที่มนุษย์ทุกคนไม่มีความชราเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างมีอายุหยุดที่เลข 25 เหมือนกันหมดกันทุกคน แต่หลังจากนั้นทุกคนจะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อและต่อชีวิตให้ยืนยาวออกไปจากชายผู้มั่งคั่งรายหนึ่ง และนี่เองจึงเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวของการตามล่าเพื่อเอาชีวิตชายผู้มั่งคั่งคนนั้น อีกทั้งยังมีเรื่องของความรักที่เกิดจากการลักพาตัว และเหตุการณ์อื่น ๆ อีกมากมาย

              ในโลกแห่งอนาคตเมื่อเวลามีค่าเหมือนเงินตรา และเวลาแห่งอายุขัยจะหยุดเมื่ออายุ 25 ปี

 มีเพียงทางเดียวที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้คือการทำงานแลก ขโมย หรือได้รับโอนเวลาเพิ่มขึ้น วิล เซลาสใช้ชีวิตอยู่ทุกวินาที จนกระทั่งได้รับเวลาเป็นลาภลอย ทำให้เขาได้เข้าสู่โลกแห่งผู้ร่ำรวย ซึ่งเขาต้องร่วมมือกับทายาทสาวสวยเพื่อทำลายล้างระบอบการทุจริต

ส่วนที่ชอบ

            เป็นหนังที่สะท้อนสังคม ในเรื่องของความเห็นแก่ตัว ยกอำนาจของเวลาเหนือทุกสิ่ง เปรียบเหมือนสังคมปัจจุบันที่ให้ความสำคัญของอำนาจเงิน ประมาณว่าโลกนี้มีเพียงพื้นที่สำหรับคนรวยเท่านั้น ซึ่งก็มีความสอดคล้องกับความเป็นจริงของโลกใบนี้ ยุคนี้ สมัยนี้

ส่วนที่ไม่ชอบ

             หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องง่ายไปหน่อย ไม่ค่อยมีอะไรที่น่าตื่นเต้น เช่นการที่พระเอกเล่นการพนัน พระเอกก็จะเป็นผู้ชนะเสมอ หรือแม้แต่การที่นางเอกไป ขโมยเวลาจากพ่อ นางเอกก็ เหมือนจะรู้รหัสที่แท้จริงง่ายเกินไป เหมือนมันได้ทุกอย่างมาง่ายๆ เป็นหนังที่ดูโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ หรือบางฉากที่ดูขัดจากความเป็นจริง ตอนที่พระเอกนางเอกไปขโมย เวลาจากธนาคาร ทำไมมันไม่มีการรักษาความปลอดภัยเลยหรอทั้งๆที่เวลาคือสิ่งที่สำคัญมากในหนังเรื่องนี้

ให้คะแนน

            8/10

In Time Trailer

                                                              * อย่าลืมดูกันน้า ^_^...

Spirited Away หนังอเนมิชั่นญี่ปุ่นสุดเจ๋ง

Spirited Away

Spirited Away ภาพยนตร์การ์ตูนลำดับที่ 13 จากสตูดิโอจิบลิ ออกฉายที่ญี่ปุ่นปี พ.ศ. 2544

เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดของญี่ปุ่น กวาดรางวัลน้อยใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ

รวมถึงรางวัลออสการ์ประจำปี พ.ศ. 2545 ทำให้ชาวตะวันตกรู้จักสตูดิโอจิบลิในวงกว้างยิ่งขึ้น

จนค่ายหนังตะวันตกสนใจซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องเก่าๆ ของสตูดิโอจิบลิไปทำตลาด

ซึ่งเป็นหนังธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา โดยการเรียบเรียงเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ ผสานกับภาพที่ถูกสร้างด้วยความเรียบง่ายแต่สร้างสรรค์ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะซึ่งจะนำพาทุกคนเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการที่น่าอัศจรรย์

.

เรื่องย่อ 
         
            Spirited Away เป็นเรื่องของ จิฮิโระ เด็กสาวอายุ 10 ปีที่ต้องย้ายบ้านย้ายโรงเรียนกลางครัน
(ดูแล้วน่าจะเป็นพวกโครงการที่พักอาศัยใหม่ซึ่งใช้พื้นที่ภูเขาเหมือนกับเรื่องเก่าๆ ก่อนหน้านี้)
คุณพ่อของจิฮิโระขับรถผิดทางจนไปเจอทางตันกลางป่า สุดทางมีอาคารรูปร่างแปลกๆ ตั้งอยู่
สามคนพ่อแม่ลูกเดินสำรวจอุโมงค์จนถึงทางออกอีกด้านหนึ่ง ก็พบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สวยงาม
คุณพ่อของจิฮิโระคิดว่าที่นี่คงเป็นพวกสวนสนุกที่นิยมสร้างกันช่วงปี 90's และถูกปล่อยร้างไว้
พ่อแม่ได้กลิ่นอาหารหอมอร่อยโชยมาจากร้านรวงข้างทาง ทั้งคู่จึงลงมือโซ้ยอย่างเอร็ดอร่อย

.
             จิฮิโระไม่ยอมทานและออกเดินสำรวจรอบบริเวณ จนพบกับเด็กผู้ชายรูปหล่อคนหนึ่งชื่อ ฮาคุ

เขาผลักไสให้จิฮิโระรีบๆ กลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ทันใดนั้นบรรยากาศในเมืองก็เปลี่ยนไป
หนทางเต็มไปด้วยเงามืดๆ คล้ายวิญญาณเดินว่อน พ่อแม่ของจิฮิโระก็กินจนกลายเป็นหมูทั้งคู่
เธอเตลิดกลับไปทางเดิมก่อนพบว่า ทุ่งหญ้าที่เดินผ่านมากลายเป็นแม่น้ำหรือทะเลขนาดใหญ่
ฮาคุกลับมาพบจิฮิโระอีกครั้ง เขาหาอะไรบางอย่างของโลกนี้ให้เธอกิน ก่อนที่เธอจะสลายไป

และบอกให้เธอรีบหางานทำ มิเช่นนั้นจะถูก ยูบาบะ เจ้าของโรงอาบน้ำแห่งทวยเทพจัดการแน่

.
          จิฮิโระไปหา คามาจิ ตาแก่ซึ่งเฝ้าห้องต้มน้ำร้อนของโรงอาบน้ำแห่งทวยเทพตามที่ฮาคุแนะนำ
เธอตื้อจนคามาจิวานให้ ริน พนักงานคนหนึ่งของที่นี่พาไปเซ็นสัญญากับยายแก่ยูบาบะสำเร็จ  จิฮิโระต้องฝ่าฟันอุปสรรค และด่านทดสอบนานัปการ เพื่อหาหนทางช่วยพ่อแม่ที่เป็นหมูให้ได้  วันหนึ่ง ยูบาบะใช้ให้ฮาคุไปขโมยของจาก เซนิบะ พี่สาวฝาแฝดของเธอ จนเขาบาดเจ็บสาหัส

จิฮิโระใช้ขนมที่ได้จากเทพแห่งแม่น้ำ รักษาฮาคุ จนเขาสำรอกของที่ขโมยจากเซนิบะออกมาเธอตัดสินใจเดินทางไปหาเซนิบะ เพื่อนำเอาของดังกล่าวไปคืนพร้อมขอร้องให้ช่วยเหลือฮาคุ

.

           เซนิบะ (คุณยายในอารมณ์ที่ตรงข้ามกับยูบาบะสิ้นเชิง) ได้ยินเรื่องจากจิฮิโระแล้วก็หัวเราะร่า

บอกว่า สิ่งที่จิฮิโระเหยียบตอนฮาคุสำรอกนั้น คือมนต์ของยูบาบะ ที่ควบคุมตัวเขาอยู่ต่างหาก
ส่วนมนต์ที่เธอร่ายเอาไว้ในของถูกทำลายไปแล้ว และมันจะถูกทำลายได้ด้วยความรักเท่านั้น
บุคลิกภาพที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของจิฮิโระนี้ คือทางออกของปัญหาทั้งหมด
จิฮิโระสามารถผ่านการทดสอบ ปลดปล่อยตัวเองออกจากสัญญาว่าจ้างของยายแก่ยูบาบะได้
ทั้งยังช่วยปลดปล่อยฮาคุ ด้วยการบอกชื่อจริงของเขาในความทรงจำสมัยเด็กของเธออีกด้วย

                                                                                                                       by chubby  

ส่วนที่ชอบ
- การสร้างสรรค์เนื้อเรื่องที่น่าสนใจ เป็นความเรียบง่ายที่แฝงด้วยความน่าค้นหา
- สื่ออารมณ์ ของตัวละครได้ดีเยี่ยม
- สร้างตัวละครตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ ให้ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ชัดเจน
- ไคลแมกซ์ที่ทำให้คนดูรู้สึกตัวว่าเหมือนถูกปลดปล่อยจากพันธนาการอะไรบางอย่างไปด้วย
การออกแบบองค์ประกอบ รายละเอียดต่างๆ สุดจะแฟนตาซี กระตุ้นต่อมจินตนาการได้เยี่ยม
.

ส่วนที่ไม่ชอบ
- จุดประสงค์การมีอยู่ของบางตัวละครที่ดูคลุมเครือ ไม่ชัดเจน อย่างเช่น คาโอนาชิ (ไร้หน้า)
การออกแบบคาแรกเตอร์ยายแก่ยูบาบะที่น่าสะพรึงกลัวมาก เห็นทีไรจิตกระเจิงแทบทุกที
- ไคลแมกซ์ที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ไม่อยากจะให้เรื่องจบลง ไม่อยากให้จิฮิโระกลับบ้าน
อยากให้อะไรๆ มันหยุดอยู่แค่นี้ ตรงนี้ เวลานี้ ซึ่งทำให้หงุดหงิดมากเพราะมันเป็นไปไม่ได้
- ตอนจบ จบง่ายเกินไป ไม่มีการหักมุม ดูหนังจบแล้วแบบอารมณ์ยังค้าง หนังจบแล้วแต่ เรายังไม่จบ
.

ประเด็นเก็บตก
- ภาพยนตร์ที่ดูสนุก ไม่จำเป็นต้องมีเนื้อหากู้โลกยิ่งใหญ่อลังการ หรือมีภาพกราฟฟิกชั้นเลิศ
หรือมีตัวละครเก่งกาจ ปล่อยไม้ตายขั้นที่ห้าร่างที่สิบ หรือมีแผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อนแผน
แม้จะใช้เนื้อเรื่องเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แม้ตัวละครนำ จะไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย
หากผ่านบทภาพยนตร์ซึ่งขัดเกลาเป็นอย่างดี ก็ดึงดูดความสนใจ ทำให้คนดูประทับใจได้
- การแย่งชิงชื่อของยูบาบะ ก็เหมือนการควบคุมผู้คน ด้วยตำแหน่งหน้าที่การงานในโลกจริงๆ
ขณะที่พวกเราคนทั่วไป ก็โดนตำแหน่งหน้าที่การงานครอบงำ จนลืมตัวตนที่แท้จริงเหมือนกัน


ให้คะแนน
    9.7/10

Spirited Away Trailer

* อยากให้ลองดูหนังเรื่องนี้จริงๆ เพราะหนังเรื่องนี้มันมีอะไรมากกว่าที่คุณคิด 

.